Skip to main content

หน้าหลัก

การศึกษา

 ระบบการศึกษาในประเทศสิงคโปร์

สิงคโปร์มีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูงและได้รับการยอมรับในระดับโลก โดยเน้นความเข้มข้นทางวิชาการและการพัฒนาทักษะที่เหมาะสมกับเศรษฐกิจยุคใหม่


1. โครงสร้างของระบบการศึกษา

ระบบการศึกษาของสิงคโปร์แบ่งออกเป็น 4 ระดับหลัก ได้แก่

1.1 การศึกษาระดับอนุบาล (Pre-School Education)

  • สำหรับเด็กอายุ 3-6 ปี
  • ไม่ใช่การศึกษาภาคบังคับ แต่ได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล
  • เน้นการพัฒนาทักษะพื้นฐาน เช่น ภาษา คณิตศาสตร์ และทักษะการเข้าสังคม

1.2 การศึกษาภาคบังคับระดับประถมศึกษา (Primary Education)

  • สำหรับเด็กอายุ 7-12 ปี (Primary 1 – Primary 6)
  • เป็นการศึกษาภาคบังคับ 6 ปี
  • มีการสอบวัดผลระดับชาติที่เรียกว่า Primary School Leaving Examination (PSLE) ในระดับชั้น Primary 6 เพื่อตัดสินการเข้าสู่ระดับมัธยมศึกษา
  • หลักสูตรหลัก ได้แก่ ภาษาอังกฤษ ภาษาที่สอง (จีน มาเลย์ หรือทมิฬ) คณิตศาสตร์ และวิทยาศาสตร์

1.3 การศึกษาระดับมัธยมศึกษา (Secondary Education)

  • สำหรับเด็กอายุ 13-16 หรือ 17 ปี (Sec 1 – Sec 4/5)
  • มีหลายสายการเรียนให้เลือก ได้แก่
    • Express Stream (4 ปี) – สำหรับนักเรียนที่มีผลการเรียนดี เตรียมสอบ O-Level
    • Normal Academic (NA) Stream (4-5 ปี) – หลักสูตรทั่วไปที่เน้นวิชาการ แต่ไม่เข้มข้นเท่า Express
    • Normal Technical (NT) Stream (4 ปี) – สำหรับนักเรียนที่มุ่งเน้นสายอาชีพและทักษะปฏิบัติ
  • นักเรียนใน Express และ NA จะสอบ GCE O-Level (Ordinary Level) เมื่อจบ Sec 4
  • นักเรียนใน NT สามารถเลือกเรียนต่อในสายอาชีพที่สถาบันเทคนิค

1.4 การศึกษาหลังมัธยมศึกษา (Post-Secondary Education)

  • นักเรียนที่ผ่าน GCE O-Level สามารถเลือกเรียนต่อในระดับ Junior College (JC), Polytechnic หรือ Institute of Technical Education (ITE)
  • Junior College (JC) – 2 ปี
    • เตรียมตัวสอบ GCE A-Level (Advanced Level)
    • เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการเข้าเรียนมหาวิทยาลัย
  • Polytechnic – 3 ปี
    • มุ่งเน้นการเรียนแบบประยุกต์และสายอาชีพ เช่น วิศวกรรม เทคโนโลยีสารสนเทศ การออกแบบ และธุรกิจ
  • Institute of Technical Education (ITE) – 2-3 ปี
    • หลักสูตรสายวิชาชีพ เช่น ช่างเทคนิค งานบริการ และการค้าปลีก
    • นักเรียนที่ทำได้ดีสามารถเรียนต่อที่ Polytechnic ได้

2. การศึกษาระดับอุดมศึกษา

มีมหาวิทยาลัยของรัฐที่มีชื่อเสียง ได้แก่

  • National University of Singapore (NUS) – อันดับต้นๆ ของเอเชียและโลก
  • Nanyang Technological University (NTU) – แข็งแกร่งด้านวิศวกรรมและเทคโนโลยี
  • Singapore Management University (SMU) – เน้นธุรกิจและเศรษฐศาสตร์
  • Singapore University of Technology and Design (SUTD) – เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมและการออกแบบ
  • Singapore Institute of Technology (SIT) และ Singapore University of Social Sciences (SUSS) – มหาวิทยาลัยเน้นการศึกษาสายอาชีพ

SkillFuture ในสิงคโปร์คืออะไร?

SkillFuture เป็นโครงการริเริ่มของรัฐบาลสิงคโปร์ที่มุ่งส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต (Lifelong Learning) และพัฒนาทักษะของประชากรเพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในเศรษฐกิจยุคใหม่ โดยเปิดโอกาสให้ประชาชนทุกช่วงวัยสามารถเข้าถึงการอบรมและพัฒนาทักษะที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว


1. เป้าหมายของ SkillFuture

✅ สนับสนุนให้ประชาชนพัฒนาทักษะใหม่และเรียนรู้ตลอดชีวิต
✅ ช่วยให้แรงงานปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงของตลาดงาน
✅ ส่งเสริมเศรษฐกิจที่ขับเคลื่อนด้วยทักษะและนวัตกรรม


2. กลุ่มเป้าหมายของ SkillFuture

SkillFuture มีโปรแกรมที่ออกแบบมาให้เหมาะกับทุกช่วงวัย ได้แก่

🔹 นักเรียนและเยาวชน

  • มีโปรแกรมแนะแนวอาชีพและโอกาสฝึกงานเพื่อช่วยให้เยาวชนเตรียมตัวสู่ตลาดแรงงาน

🔹 คนวัยทำงาน (Workforce)

  • มี SkillFuture Credit ซึ่งเป็นเงินสนับสนุนที่รัฐบาลให้เพื่อใช้จ่ายในการเรียนรู้และพัฒนาทักษะใหม่

🔹 ผู้สูงอายุ (Mid-Career & Senior Workers)

  • มีหลักสูตรที่ช่วยให้ผู้สูงอายุสามารถเรียนรู้และปรับตัวให้เข้ากับอาชีพที่เปลี่ยนแปลงไป

3. สิทธิประโยชน์ของ SkillFuture

🔸 SkillFuture Credit (เงินสนับสนุนการเรียนรู้)

  • ทุกพลเมืองสิงคโปร์อายุ 25 ปีขึ้นไป จะได้รับเงินเครดิตตั้งต้น S$500 (ดอลลาร์สิงคโปร์) เพื่อใช้สำหรับลงทะเบียนเรียนหลักสูตรที่รัฐบาลรับรอง
  • ในบางกรณี รัฐบาลอาจให้เครดิตเพิ่มเติม โดยเฉพาะสำหรับผู้ที่อยู่ในวัยกลางคนที่ต้องการเปลี่ยนอาชีพ

🔸 SkillFuture Work-Study Programme

  • สำหรับนักเรียนจบใหม่ที่ต้องการฝึกงานควบคู่กับการเรียน

🔸 Mid-Career Support

  • สนับสนุนแรงงานวัยกลางคนให้มีโอกาสพัฒนาทักษะใหม่และเปลี่ยนอาชีพ

4. ประเภทของหลักสูตรที่เข้าร่วมใน SkillFuture

  • เทคโนโลยีและดิจิทัล เช่น AI, Data Science, Cybersecurity
  • การบริหารธุรกิจและการเป็นผู้ประกอบการ
  • การแพทย์และการดูแลสุขภาพ
  • งานช่างและวิศวกรรม
  • ศิลปะและการออกแบบ

หลักสูตรสามารถเรียนได้ทั้งแบบออนไลน์และออฟไลน์ผ่านมหาวิทยาลัย สถาบันเทคนิค (Polytechnic/ITE) และองค์กรฝึกอบรมต่างๆ


5. ความสำคัญของ SkillFuture ต่อแรงงานไทยในสิงคโปร์

สำหรับแรงงานไทยที่อาศัยอยู่ในสิงคโปร์ อาจสามารถใช้ประโยชน์จาก SkillFuture ได้หากมีสถานะเป็น พลเมืองสิงคโปร์ (Singapore Citizen) หรือในบางกรณีอาจมีโครงการฝึกอบรมเฉพาะสำหรับแรงงานต่างชาติที่นายจ้างสามารถสมัครให้ได้


6. วิธีสมัครเข้าร่วม SkillFuture

  1. เข้าเว็บไซต์ MySkillsFuture
  2. ลงทะเบียนบัญชี (ต้องมี SingPass)
  3. เลือกหลักสูตรที่ต้องการ
  4. ใช้ SkillFuture Credit หรือสมัครทุนสนับสนุนอื่นๆ
  5. ลงทะเบียนเรียนและเริ่มพัฒนาทักษะใหม่

27452
TOP