การจ้างแรงงานสูงอายุของประเทศสิงคโปร์
ประเทศสิงคโปร์ปัจจุบันใช้พระราชบัญญัติเกษียณอายุและการจ้างงานใหม่ (Retirement and Re-Employment Act- RRA) โดยกำหนดเกษียณอายุลูกจ้างต้องไม่ต่ำกว่า 62 ปี นายจ้างจะบังคับให้ลูกจ้างเกษียณอายุก่อนกำหนดไม่ได้ ลูกจ้างที่จะได้รับการคุ้มครองภายใต้พระราชบัญัติเกษียณอายุและการจ้างงานใหม่จะต้องมีคุณสมบัติ
– เป็นชาวสิงคโปร์หรือผู้มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศสิงคโปร์ (Permanent Residents)
– ทำงานกับบริษัทนายจ้างก่อนมีอายุ 55 ปี
เมื่อลูกจ้างมีอายุครบ 62 ปี นายจ้างต้องเสนอการจ้างงานใหม่ (Re-Employment) ให้กับลูกจ้างและให้ลูกจ้างทำงานต่อจนลูกจ้างมีอายุครบ 65 ปีบริบูรณ์ โดยลูกจ้างต้องมีคุณสมบัติดังนี้
– เป็นชาวสิงคโปร์หรือผู้มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศสิงคโปร์ (Permanent Residents)
– ทำงานกับนายจ้างอย่างต่ำ 3 ปี ก่อนอายุครบ 62 ปี
– นายจ้างประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจ
– สุขภาพแข็งแรงสามารถทำงานต่อได้
นับตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2560 นายจ้างต้องเสนอการจ้างงานใหม่ให้กับลูกจ้างและขยายระยะเวลาที่ให้ลูกจ้างทำงานต่อจาก 65 ปีเป็นอายุ 67 ปีบริบูรณ์ โดยลูกจ้างต้องมีคุณสมบัติดังนี้
– ชาวสิงคโปร์หรือผู้มีถิ่นพำนักถาวรในประเทศสิงคโปร์ (Permanent Residents)
– ทำงานกับนายจ้างอย่างต่ำ 3 ปี ก่อนอายุครบ 62 ปี
– นายจ้างประเมินผลการปฏิบัติงานเป็นที่น่าพอใจ
– สุขภาพแข็งแรงสามารถทำงานต่อได้
– เกิดตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2495 (หากลูกจ้างที่เกิดระหว่าง 1 มกราคม 2493 ถึง มิถุนายน 2495 นายจ้างจะเสนอการจ้างงานใหม่ให้กับลูกจ้างจนลูกจ้างมีอายุครบ 65 ปี)
สัญญาการจ้างงานใหม่หลังเกษียณอายุจะต้องมีระยะเวลาอย่างน้อย 1 ปี และสามารถต่อสัญญาจ้างใหม่ได้ทุกๆปีจนลูกจ้างอายุครบ 65 ปี โดยตกลงค่าจ้างใหม่ตามหน้าที่ที่ได้รับผิดชอบใหม่ ซึ่งรัฐบาลสิงคโปร์แนะนำให้ใช้แนวทางของไตรภาคีในการเจรจา (Tripartite Guidelines on Re-employment of Older Employee) ทั้งลูกจ้างและนายจ้างต้องคำนึงถึงหลักการดังต่อไปนี้เมื่อทำสัญญาการจ้างงานใหม่
สำหรับนายจ้าง |
1. ระบุพนักงานที่มีคุณสมบัติสำหรับการจ้างงานใหม่ 2. ควรเจรจาล่วงหน้าอย่างน้อย 6 เดือนก่อนที่ลูกจ้างจะมีอายุครบ 62 ปี 3. นายจ้างควรแจ้งให้ลูกจ้างทราบรายละเอียดของสัญญาการจ้างงานใหม่อย่างน้อย 3 เดือนก่อนลูกจ้างถึงกำหนดเกษียณอายุ 4. กรณีลูกจ้างที่ไม่ได้คุณสมบัติสำหรับการจ้างงานใหม่ นายจ้างต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบก่อนล่วงหน้าเพื่อลูกจ้างจะได้เตรียมวางแผนอนาคต 5. นายจ้างควรใช้ข้อแนะนำ Tripartite Guidelines on Re-employment of Older Employee ในการจ้างงานใหม่ 6. เงื่อนไขการจ้างงานใหม่ต้องเป็นธรรมและมีเหตุผล |
สำหรับลูกจ้าง |
1. แจ้งให้นายจ้างและผู้ที่เกี่ยวข้องทราบถึงความตำแหน่งงานที่มีความสนใจ 2. ต้องเปิดใจและพร้อมที่จะรับการเปลี่ยนแปลงกับงานหรือเงื่อนไขการจ้างงานใหม่ |
Employment Assistance Payment (EAP)
กรณีที่ลูกจ้างมีคุณสมบัติสำหรับการจ้างงานใหม่แต่นายจ้างไม่มีตำแหน่งงานที่เหมาะสมให้ นายจ้างอาจให้เงินช่วยเหลือที่เรียกว่า Employment Assistance Payment- EAP โดย
1) นายจ้างได้มีการทบทวนอย่างถี่ถ้วนแล้ว EAP จะเป็นทางออกสุดท้าย
2) EAP เป็นเงินช่วยเหลือลูกจ้างระหว่างหางานใหม่ในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น
3) EAP จ่ายเป็นเงินจำนวนเท่ากับเงินค่าจ้าง 3 เดือน ทั้งนี้ไม่ต่ำกว่า 4,500 เหรียญสิงคโปร์แต่ไม่เกิน 10,000 เหรียญสิงคโปร์
หมายเหตุ : ก) หากนายจ้างเลิกจ้างลูกจ้างหลังจากที่ลูกจ้างได้รับการจ้างงานใหม่แล้วอย่างน้อย 18 เดือน นายจ้างสามารถพิจารณาที่จะจ่าย EAP น้อยลงได้เท่ากับจำนวนเงินค่าจ้าง 2 เดือนทั้งนี้ไม่ควรต่ำกว่า 3,000 เหรียญสิงคโปร์แต่ไม่เกิน 7,000 เหรียญสิงคโปร์
ข) นับตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2560 หากนายจ้างไม่สามารถจ้างงานใหม่ได้ นายจ้างสามารถโอนลูกจ้างให้นายจ้างอื่นได้แทนการจ่าย EAP โดยมีเงื่อนไขคือ
– ลูกจ้างยอมรับการจ้างงานใหม่กับนายจ้างอื่น
– นายจ้างอื่นต้องรับเงื่อนไขการจ้างงานใหม่ที่มีอยู่เดิม รวมถึงจะต้องเสนอการจ้างงานใหม่ให้ลูกจ้างจนลูกจ้างอายุครบ 67 ปี แต่หากนายจ้างไม่สามารถจ้างลูกจ้างจนถึงอายุครบ 67 ปีได้แล้ว นายจ้างต้องเสนอ EAP ให้กับลูกจ้าง
การให้ความช่วยเหลือของกระทรวงแรงงานสิงคโปร์กรณีมีข้อพิพาท
ลูกจ้างสูงอายุสามารถขอความช่วยเหลือจาก Commission for Labour 3 ช่องทาง คือ ผ่านระบบ online ขอคำปรึกษาจากเจ้าหน้าที่โดยการนัดหมาย หรือ ส่งจดหมายร้องเรียนส่งตรงที่กระทรวงแรงงานสิงคโปร์ ในกรณีดังต่อไปนี้
ข้อร้องเรียน |
ระยะเวลา |
ไม่เห็นด้วยกับเหตุผลของการปฏิเสธการจ้างงานใหม่ เช่น ไม่ได้คุณสมบัติ ไม่มีตำแหน่งงนที่เหมาะสม หรือถูกเลิกจ้างระหว่างการจ้างงานใหม่ |
ไม่เกิน 1 เดือน หลังจากวันสุดท้ายของการจ้างงาน |
เงื่อนไขการจ้างงานใหม่ และ EAP ไม่สมเหตุผล |
ไม่เกิน 6 เดือน หลังจากวันสุดท้ายของการจ้างงาน |
การให้ความสนับสนุนของรัฐบาลในการจ้างงานผู้สูงอายุ
- เงินสนับสนุนพิเศษเพื่อการจ้างงานผู้สูงอายุ (Special Employment Credit- SEC) Special Employment Credit (SEC) เป็นนโยบายของรัฐบาลที่ส่งเสริมการจ้างงานผู้สูงอายุ โดยรัฐจะให้เงินสนับสนุนนายจ้างที่จ้างงานผู้สูงอายุชาวสิงคโปร์ ซึ่งนโยบายนี้ริเริ่มตั้งแต่ปี 2555 และได้ขยายเวลาและเปลี่ยนแปลงเงินช่วยเหลือเป็นระยะตามความเหมาะสม โดยปัจจุบัน SEC จ่ายให้กับนายจ้างสำหรับการจ่ายค่าจ้างให้ลูกจ้างในปี 2559 ที่อัตราสูงสุดร้อยละ 8 ของค่าจ้างสำหรับลูกจ้างที่มีอายุตั้งแต่ 50 ปีขึ้นไป และสูงสุดร้อยละ 11 ของค่าจ้างสำหรับลูกจ้างที่มีอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป โดยSEC จะลดลงหากลูกจ้างได้รับค่าจ้างเกิน 3,000 เหรียญสิงคโปร์
ตารางเงิน SEC ที่นายจ้างจะได้รับในปี 2559
รายได้ลูกจ้างต่อเดือน (เหรียญสิงคโปร์) |
SEC ที่นายจ้างจะได้รับสำหรับการจ้างลูกจ้างชาวสิงคโปร์ ต่อเดือน (เหรียญสิงคโปร์) |
|
อายุตั้งแต่ 50 ปี ขึ้นไป SEC สูงสุดร้อยละ 8 |
อายุตั้งแต่ 65 ปี ขึ้นไป SEC สูงสุดร้อยละ 11 |
|
500 |
40.00 |
55.00 |
1,000 |
80.00 |
110.00 |
1,500 |
120.00 |
165.00 |
2,000 |
160.00 |
220.00 |
2,500 |
200.00 |
275.00 |
3,000 |
240.00 |
330.00 |
3,250 |
180.00 |
247.50 |
3,500 |
120.00 |
165.00 |
3,750 |
60.00 |
82.50 |
ตั้งแต่ 4,000 เหรียญขึ้นไป |
0 |
0 |
ตารางเงิน SEC ที่นายจ้างจะได้รับตั้งแต่ปี 2560
รายได้ลูกจ้างต่อเดือน (เหรียญสิงคโปร์) |
SEC ที่นายจ้างจะได้รับสำหรับการจ้างลูกจ้างชาวสิงคโปร์ ต่อเดือน (เหรียญสิงคโปร์) |
||
อายุ 55-59 ปี สูงสุดร้อยละ 3 ของค่าจ้างต่อเดือน |
อายุ 60-64 ปี สูงสุดร้อยละ 5 ของค่าจ้างต่อเดือน |
อายุ 65 ปีขึ้นไป สูงสุดร้อยละ 8 ของค่าจ้างต่อเดือน |
|
500 |
15 |
25 |
40 |
1,000 |
30 |
50 |
80 |
1,500 |
45 |
75 |
120 |
2,000 |
60 |
100 |
160 |
2,500 |
75 |
125 |
200 |
3,000 |
90 |
150 |
240 |
3,500 |
45 |
75 |
120 |
ตั้งแต่ 4,000 เหรียญขึ้นไป |
0 |
0 |
0 |
ส่วนนายจ้างที่จ้างลูกจ้างทุพพลภาพ รัฐบาลจ่ายเงินสมทบค่าจ้างให้ร้อยละ 16 ของค่าจ้างต่อเดือนโดยไม่จำกัดอายุลูกจ้าง สูงสุดไม่เกิน 240 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน
กระทรวงแรงงานสิงคโปร์รายงานว่าในปี 2557 ร้อยละ 98 ของลูกจ้างที่ได้รับการจ้างงานใหม่ยังคงได้รับค่าจ้างเท่าเดิมและในจำนวนนั้นมีร้อยละ 10 ได้รับค่าจ้างสูงขึ้น โดยมีจำนวนลูกจ้างสูงอายุที่อยู่ในตลาดแรงงานเมื่อเดือนมิถุนายน 2558 ดังนี้
– อายุ 60-64 ปี จำนวน 149,200 คน
– อายุ 65-69 ปี จำนวน 74,900 คน
– อายุ 70 ปี ขึ้นไป จำนวน 40,400 คน
รายได้เฉลี่ยของลูกจ้างสูงอายุตั้งแต่ 60 ปีขึ้นไปสูงขึ้นจาก 1,160 เหรียญสิงคโปร์ในปี2549 เป็น 2,000 เหรียญสิงคโปร์ในปี 2558
- Workfare เป็นโครงการส่งเสริมการเพิ่มทักษะให้ลูกจ้างสูงอายุโดยให้เงินสมทบรายได้ เงินสะสมหลังเกษียณอายุและให้เงินช่วยเหลือสำหรับการฝึกอบรม ซึ่งประกอบไปด้วย Workfare Income Supplement Scheme – WIS และ Workfare Training Support (WTS) โดยผู้ที่จะได้รับประโยชน์จากโครงการนี้จะต้อง
ก) เป็นลูกจ้างสูงอายุที่มีรายได้น้อยทำงานอย่างสม่ำเสมอ หรือ เข้ารับการอบรมยกระดับฝีมือ หรือ ทั้งสองอย่าง โดยลูกจ้างจะได้รับเงินสดเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในระยะหนึ่ง เงินสมทบกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (CPF) และได้รับค่าลดหย่อนเมื่อเข้าอบรมยกระดับฝีมือ หรือเพื่อเพิ่มโอกาสในการจ้างงาน
ข) เป็นนายจ้างที่ส่งลูกจ้างสูงอายุที่มีรายได้น้อยเข้ารับการฝึกอบรม
2.1 Workfare Income Supplement Scheme – WIS เป็นการให้ความช่วยเหลือในรูปเงินสดและเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ( Central Provident Fund – CPF) สำหรับลูกจ้างสูงอายุที่ทำงานอย่างสม่ำเสมอหรือรับการฝึกอบรมเพื่อยกระดับฝีมือ และสำหรับนายจ้างที่ส่งลูกจ้างสูงอายุเข้ารับการฝึกอบรม
คุณสมบัติลูกจ้าง
ปัจจุบัน |
การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่เดือนมกราคม 2560 |
-เป็นผู้มีสัญชาติสิงคโปร์ – อายุ 35 ปีขึ้นไป ( ไม่จำกัดอายุสำหรับผู้ทุพพลภาพ) – ทำงานอย่างน้อย 2 ใน 3 เดือน – จ่ายทุกไตรมาส – จำนวนเงินสูงสุด 3,500 เหรียญสิงคโปร์ – รายได้เฉลี่ยไม่เกิน 1,900 เหรียญสิงคโปร์ – พักในที่พักอาศัยที่มีมูลการเช่าได้ไม่เกินปีละ 13,000 เหรียญสิงคโปร์ – เป็นเจ้าของที่พักอาศัยเพียงแห่งเดียว – กรณีสมรส ทั้งสองคนต้องเป็นเจ้าของที่พักอาศัยเพียงแห่งเดียวและคู่สมรสต้องมีรายได้ที่ใช้คำนวนภาษีรายได้ไม่เกิน 70,000 เหรียญสิงคโปร์ |
– เพิ่มรายได้เฉลี่ยไม่เกิน 2,000 เหรียญสิงคโปร์ – จ่ายรายเดือน – จำนวนเงินสูงสุด 3,600 เหรียญสิงคโปร์ |
ตารางการจ่าย WIS สูงสุดต่อปี
อายุลูกจ้าง |
จำนวนเงินWIS/ปี (ปัจจุบัน) |
จำนวนเงิน WIS/ปี (ตั้งแต่เดือนมกราคม 2560) |
35*-44 |
$ 1,400 |
$1,500 |
45-54 |
$ 2,100 |
$ 2,200 |
55-59 |
$ 2,800 |
$ 2,900 |
ตั้งแต่ 60 ปี ขึ้นไป |
$ 2,800 |
$ 3,600 |
หมายเหตุ : 1. * ผู้ทุพพลภาพที่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี จะได้รับเงิน WIS สูงสุด 1,400 เหรียญสิงคโปร์
2. ร้อยละ 40 ของ WIS จะจ่ายเป็นเงินสด ส่วนที่เหลือจะจ่ายเข้ากองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (CPF)
2.2 Workfare Training Support (WTS) เป็นโครงการที่ช่วยเติมเต็ม WISโดยการช่วยเหลือลูกจ้างสูงอายุรายได้น้อยให้ยกระดับฝีมือผ่านการฝึกอบรม ซึ่งเป็นการช่วยเพิ่มโอกาสการจ้างงานและเพิ่มรายได้ ซึ่ง WTS จะให้ความช่วยเหลือผู้ที่มีคุณสมบัติดังต่อไปนี้
ปัจจุบัน |
การเปลี่ยนแปลงตั้งแต่มกราคม 2560 |
– เป็นผู้มีสัญชาติสิงคโปร์ – มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป – มีรายได้ไม่เกิน 1,900 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน – ลงทะเบียนภายใต้หลักสูตร WTS |
– เพิ่มรายได้จาก 1,900 เหรียญสิงคโปร์ เป็น 2,000 เหรียญสิงคโปร์ – เดิมผู้ทุพพลภาพจะต้องมีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป เปลี่ยนเป็นตั้งแต่อายุ 13 ปีขึ้นไป
|
ลูกจ้างจะได้รับเงินช่วยเหลือ WTS ภายใต้เงื่อนไข
– ต้องอยู่ระหว่างการจ้างงาน
– เข้ารับการอบรมร้อยละ 75 และ
– เข้ารับการทดสอบประเมินผลอย่างครบถ้วน
การจ่ายเงินช่วยเหลือภายใต้โครงการ Workfare Training Support (WTS)
ก) เงินสมทบค่าอบรม
– นายจ้าง : เงินสมทบร้อยละ 95 ของค่าอบรม รวมถึงเงินสมทบค่าจ้างกรณีลูกจ้างขาดงานเพื่อไปอบรมหากนายจ้างส่งลูกจ้างเข้ารับการอบรม
– ลูกจ้าง : ลูกจ้างชาวสิงคโปร์ที่สมัครใจเข้ารับการอบรมเพื่อเพิ่มทักษะให้ตนเอง (ไม่ได้รับการสนับสนุนจากนายจ้าง) จะได้รับเงินสมทบร้อยละ 95ของค่าอบรม และเงินเบี้ยเลี้ยงชั่วโมงละ 4.50 เหรียญสิงคโปร์ (ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนด)
ข) สนับสนุนการฝึกอบรมขั้นพื้นฐาน ในรูปแบบ Workfare- Skill Up ช่วยให้ลูกจ้างที่ไม่จบการศึกษาระดับมัธยมศึกษาทั้งที่มีงานทำและไม่มีงานทำลงทะเบียนเพื่อสร้างพื้นฐานความรู้ด้านภาษาอังกฤษและการคำนวณ ลูกจ้างจะได้รับเงินสนับสนุนค่าอบรม 100% และรางวัลความสำเร็จ 200 เหรียญสิงคโปร์ใน แต่ละโปรแกม สูงสุดไม่เกิน 600 เหรียญสิงคโปร์
ค) การให้เงินรางวัลกับลูกจ้างที่สำเร็จการฝึกอบรมตามหลักสูตรที่จำเป็นเพื่อเป็นรางวัลจูงใจให้กับลูกจ้าง (Training Commitment Award- TCA) เป็นเงิน 200 เหรียญสิงคโปร์ สูงสุด 400 เหรียญสิงคโปร์ (ภายใต้เงื่อนไขและข้อกำหนด)
- Temporary Employment Credit (TEC) เป็นการช่วยเหลือของรัฐบาลที่ให้กับนายจ้างในการปรับตัวกับค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้นเนื่องจากการเพิ่มเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ( Central Provident Fund – CPF) ส่วนของนายจ้างให้กับลูกจ้างสูงอายุและการปรับเพดานเงิน CPF จาก 5,000 เหรียญสิงคโปร์ เพิ่มเป็น 6,000 เหรียญสิงคโปร์โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2559
อายุลูกจ้าง |
อัตราเพิ่มเงินสมทบ (% ค่าจ้าง) |
||
|
เงินสมทบส่วนของนายจ้าง |
เงินสมทบส่วนของลูกจ้าง |
ทั้งหมด |
อายุระหว่าง 50 -55 |
+1 |
+1 |
+2 |
อายุระหว่าง 55 – 60 |
+1 |
– |
+1 |
อายุระหว่าง 60 – 65 |
+0.5 |
– |
+0.5 |
นายจ้างจะได้รับ TEC เมื่อนายจ้างจ่ายเงินสมทบส่วนของนายจ้างให้กับลูกจ้างสูงอายุตั้งแต่ มกราคม 2558 ถึง ธันวาคม 2560
ปี |
TEC (% ของค่าจ้าง) |
TEC สูงสุดต่อปี ต่อลูกจ้าง 1 คน |
2558 |
1% เพดานเงิน CPF สูงสุด 5,000เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน
|
850 เหรียญสิงคโปร์ |
2559 |
1% เพดานเงิน CPF สูงสุด 6,000 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน |
1,020 เหรียญสิงคโปร์ |
2560 |
1% เพดานเงิน CPF สูงสุด 6,000 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน |
510 เหรียญสิงคโปร์ |
- WorkPro เป็นโครงการที่ร่วมมือกันระหว่างกระทรวงแรงงานสิงคโปร์(MOM) หน่วยงานพัฒนาฝีมือแรงงานสิงคโปร์ ( Singapore Workforce Development Agency-WDA) สภาองค์การนายจ้าง Singapore National Employers Federation (SNEF) และ สหภาพแรงงานแห่งชาติ (The National Trades Union Congress – NTUC) เพื่อสนับสนุนนายจ้างให้เพิ่มกำลังแรงงานชาวท้องถิ่น ปรับปรุงสถานที่ทำงานให้มีความก้าวหน้าและเสริมสร้างให้ชาวสิงคโปร์เป็นแกนนำขององค์กร ซึ่งต่อมารัฐบาลได้ขยายให้โครงการ WorkPro คลอบคลุมถึงการสนับสนุนนายจ้างให้ออกแบบสถานที่ทำงานที่เป็นประโยชน์และเหมาะสมกับวัยของลูกจ้างชาวสิงคโปร์ รวมถึงการบริหารจัดการแรงงานสูงอายุ ภายใต้โครงการ Enhance Workpro ซึ่งจะมีผลตั้งแต่ 1 กรกฎาคม 2559 โดยนายจ้างจะต้องมีคุณสมบัติดังนี้
ก) จดทะเบียนบริษัทถูกต้องตามกฎหมายรวมถึง สมาคม องค์กรที่ไม่แสวงหาผลกำไรเช่น องค์กรการกุศลและองค์กรให้บริการสังคม
ข) ไม่เคยได้รับเงินช่วยเหลือ WorkPro ช่วงเวลาตั้งแต่เดือนเมษายน 2556 ถึง 30 มิถุนายน 2559 ในโครงการ Age Management Grant และWork-Life Grant
ภายใต้ Enhance Workpro นายจ้างสามารถได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 480,000 เหรียญสิงคโปร์ หากนายจ้างดำเนินการดังต่อไปนี้
1) นำการบริหารจัดการลูกจ้างตามวัยวุฒิมาใช้ในที่ทำงาน
2) การออกแบบสถานที่ทำงานและกระบวนทำงานที่เหมาะกับลูกจ้างสูงอายุ
3) การนำการจัดเตรียมการทำงานแบบยืดหยุ่นสำหรับลูกจ้างมาใช้ในที่ทำงาน
ทั้งนี้เงินสนับสนุนจะขึ้นอยู่กับโครงการที่นายจ้างจัดทำ เช่น Age Management Grant จะได้รับเงินสนับสนุนสูงสุด 20,000 เหรียญสิงคโปร์ Job Redesign Grant สูงสุด 300,000 เหรียญสิงคโปร์ เป็นต้น
การให้ความช่วยเหลือของรัฐกับผู้สูงอายุชาวสิงคโปร์
1.ช่วยค่ารักษาพยาบาลและเงินสมทบกรณีต้องพักรักษาตัวเป็นเวลานาน
2.สงเคราะห์เงินช่วยเหลือค่าเบี้ยประกันสำหรับMediShield Life* สูงสุดร้อยละ 50ให้กับผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง
3.เพิ่มเงินเข้ากองทุนสะสมสำหรับค่ารักษาพยาบาล (Medisave) จำนวน 100-200 เหรียญสิงคโปร์ต่อปี จนถึงปี 2561 สำหรับผู้สูงอายุชาวสิงคโปร์ที่เกิดก่อน 31 ธันวาคม 2502
4.ช่วยเหลือค่าใช้จ่ายประจำวันในรูปแบบต่างๆ เช่น บัตรกำนัล เงินสด(ในกรณีเร่งด่วน) เพิ่มเงินกองทุนสะสมสำหรับค่ารักษาพยาบาล (กรณีมีความจำเป็นในการรักษาพยาบาล) ส่วนลดค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโดยสารรถประจำทาง
5.เพิ่มอัตราดอกเบี้ยในกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ (Central Provident Fund)ร้อยละ 1 สำหรับผู้มีอายุ 55 ปีขึ้นไป
6.ให้เงินสงเคาะห์ช่วยเหลือกรณีปรับปรุงที่พักอาศัยของรัฐให้เหมาะกับผู้สูงอายุ
7.ลดหย่อนค่าธรรมเนียมการจ้างแม่บ้านต่างชาติ( Levy) ที่มาดูแลผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไปโดยจ่ายเพียง 60 เหรียญสิงคโปร์ต่อเดือน
8. ให้ความช่วยเหลือเป็นเงินสด (ComCare Long Term Assistance/ Public Assistance) สำหรับผู้สูงอายุที่ไม่สามารถทำงานได้เป็นการถาวรโดยมีสาเหตุมาจากอายุ สุขภาพ หรือครอบครัว
9. Silver Support Scheme โครงการสนับสนุนผู้สูงอายุที่มีรายได้ต่ำมาโดยตลอดชีวิตการทำงาน ทำให้ไม่สามารถมีเงินเลี้ยงชีพอย่างเพียงพอหลังเกษียณอายุได้ รัฐบาลให้การช่วยเหลืออัตโนมัติโดยจำนวนเงินช่วยเหลือจะขึ้นกับขนาดของที่พักอาศัย** ที่เป็นจำนวนเงินระหว่าง 300-750 เหรียญสิงคโปร์ต่อสามเดือน
———————————————————————-
* Medishield Life คือการประกันสุขภาพที่บริหารจัดการโดย Central Provident Fund Board (CPF) เป็นการประกันสุขภาพตลอดชีวิตให้ชาวท้องถิ่นรวมถึงผู้ที่มีปัญหาสุขภาพขั้นร้ายแรงอยู่ก่อนแล้วโดยอัตโนมัต (ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพขั้นร้ายแรงอยู่ก่อนจะต้องจ่ายเบี้ยประกันเพิ่มขึ้นร้อยละ 30 เป็นระยะเวลา 10
** ที่พักอาศัย หมายถึงขนาดของที่พักอาศัยภายใต้ระเบียบ Housing Development Board
สนร. สิงคโปร์
15 กรกฎาคม 2559